วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

ระวัง ลัทธิอนุตรธรรม

วิถีอนุตรธรรม



"วิถีอนุตรธรรม" หรือ"อนุตรธรรม" เป็นลัทธิความเชื่อหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เมื่อมีการแพร่ลัทธินี้เข้าไปในไต้หวัน จึงทำให้ต่อมาในไต้หวันมีผู้นับถือลัทธินี้กันมากขึ้นและ ในปัจจุบันผู้ที่เข้ามาเผยแผ่ลัทธินี้ในไทยจึงเป็นคนไต้หวันเป็นส่วนใหญ่




ในไต้หวันเองทางส่วนราชการก็ระบุชัดเจนว่าเป็นลัทธิหนึ่งขึ้นมาต่างหาก ไม่ใช่พระพุทธศาสนา และทางพุทธสมาคมจีนไต้หวัน รวมถึงวัดพุทธในไต้หวันทุกแห่งต่างก็เข้าใจว่าลัทธินี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งหรือนิกายย่อยของพระพุทธศาสนา แต่เป็นการนำเอาหลักธรรมคำสอนของห้าศาสนามารวมไว้ด้วยกัน




โดยลัทธินี้มีสิ่งเคารพสูงสุดที่เรียกว่า "พระแม่องค์ธรรม" ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นมา (คล้ายแนวคิดเรื่องพระเจ้า) มีการเซ่นไหว้เจ้าแม่กวนอิม พระจี้กง พระศรีอาริเมตไตร(หมีเล้อฝอ) ลัทธินี้เชื่อว่าการที่ไครจะบรรลุธรรมได้นั้นต้องมีการเปิดจุดทวารตรงกลางหน้าฝากก่อน และได้มีการอ้างด้วยว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าของเราก็ต้องผ่านการเปิดจุดทวารเหมือนกัน ซึ่งความเชื่อนี้ถือว่าขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน เพราะการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนานั้นอาศัยการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยการช่วยเหลือจากสิ่งภายนอก


ส่วนความเชื่อเรื่อง"การลงทะเบียนในใบคำขอคนที่แนะนำอ้างว่าใบคำขอนี้จะทำให้เรามีรายชื่ออยู่บนสวรรค์" นั้นก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด



ถือเป็นความงมงาย(พระพุทธศาสนาเรียกกิเลสตัวนี้ว่า"ความหลง")


ลัทธินี้มีการสื่อกับโลกของวิญญาณโดยใช้ร่างของหญิงสาวพรหมจรรย์ ซึ่งเรียกว่า ร่างคุณ โดยร่างคุณจะเป็นสื่อกลางที่จะให้เทพเจ้า พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พระเยซูคริสต์ นบีมูฮัมหมัด และวิญญาณสัตว์ต่างๆ วิญญาณคนตาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าขัดกับคำสอนของพระพุทธศาสนา


พระพุทธเจ้าทรงเว้นจากการทรงเจ้า ทรงแนะนำสาวกทั้งหลายให้เว้นจากการทรงเจ้าเพราะเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเพื่อการอริยสัจจธรรมตามความเป็นจริงหนทางเพื่อการพ้นจากทุกข์ดับกิเลสจนไม่เหลือก็คืออริยมรรคมีองค์ ๘ ฉะนั้น หนทางหรือข้อปฏิบัติอย่างอื่นไม่เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ ผู้ที่หวังการรู้แจ้งอริยสัจ ดับกิเลสอันเหตุของทุกข์ พึงศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตลอด ๔๕ พรรษา และประพฤติปฏิบัติตามด้วยการอบรมเจริญสติปัฏฐานจึงชื่อว่าเป็นผู้ศึกษาพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้า


คำสอนลัทธิอนุตรธรรม




ลัทธิอนุตรธรรมสอนว่า จิตวิญญาณเท่านั้นที่มาจาก "พระองค์ธรรมมารดา" ร่างกายเป็นเพียงที่พำนักชั่วคราว การได้รับถ่ายทอด "วิถีอนุตตรธรรม"ทำให้เราได้รับสิ่งวิเศษ 3 อย่างคือ


1. มโนทวาร


2. สัจจคาถา


3. ลัญจกร


การขอรับวิถีธรรม จะนำพาตัวเองขึ้นไปสู่ความเป็นนิรันดร



สรุปก็คือ มนุษย์ทุกคนเมื่อตายไปต้องเวียนวายตายเกิดไม่รู้จบ เมื่อใดที่มนุษย์ได้รับธรรมะ ก็จะได้หลุดพ้นจากการเวียนวายตายเกิดไปสู่นิพพาน (ซึ่งขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์)




อนุตตรธรรมสอนขัดแย้งกับพระไตรปิฎก


อนุตตรธรรมสอนขัดแย้งกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล


อนุตตรธรรมสอนขัดแย้งกับพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน


อนุตรธรรมสอนว่าต้องเปิดจุดญาณทวารโดยอาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมเท่านั้นที่จะได้รับความรอด ซึ่งขัดแย้งจากพุทธศาสนา


ข้อความนี้ได้นำมาจากบอร์ดพันทิพย์ซึ่งเป็นความรู้เล็กๆน้อยๆที่จะให้เข้าใจเกี่ยวกับลัทธิอนุตรธรรม


ลัทธิอนุตรธรรมได้ใช้วิธีการต่างๆที่จะนำผู้คนจากทุกๆศาสนามาเป็นพวกของตน และได้บอกว่า พระศาสดาทุกศาสดาคือ พระพุทธเจ้า พระเยซูคริสต์ ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล) ได้รับโองการมาจากพระแม่องค์ธรรม หรือ พระเจ้า มาโปรดมนุษย์ แต่ปัจจุบันนี้คำสอนของศาสดาท่านต่างๆ ไม่สามารถที่จะนำผู้คนกลับสู่แดนนิพพานได้ อีกอย่างโดยอ้างว่าอนุตรธรรมคือ วิถีที่พระอนุตรธรรมมารดา หรือ พระเจ้า ช่วยฉุดช่วยสาธุชนให้พ้นจากการเวียนวายตายเกิดและกลับสู่แดนนิพพาน

 
1.กลุ่มนี้อ้างว่าพระพุทธเจ้าสามารถตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและได้ปรินิพพานเป็นเพราะได้รับการเปิดจุดญาณทวาร (ระหว่างใต้คิ้ว)



2.กลุ่มนี้ใช้พระคำ "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้โดยไม่ผ่านเรา" (โยฮัน 14:6) อ้างว่า พระเยซูคริสต์เป็นศาสดาท่านหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากพระอนุตรธรรมมารดาให้มาโปรดชาวโลกเพื่อให้กลับสู่แดนนิพพาน ซึ่งขัดต่อคำสอนของคริสเตียน เพราะคริสเตียนเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระภาคหนึ่งของพระเจ้าที่มาไถ่มนุษย์โลกนี้จากความบาปผิด


3.กลุ่มนี้มีการให้โอวาทจากสิ่งศักสิทธิ์ผ่านร่างทรงซึ่งเป็นหญิงพรหมจรรย์ ซึ่งขัดต่อคำสอนของคริสเตียนในเรื่องของพวกร่างทรง จากพระคำ "อย่าไปหาคนทรงหรือพ่อมดแม่มดอย่าเที่ยวค้นหาให้ตนมลทินไปเพราะเขาเลยเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า" เลวีนิติ 19:31


4.กลุ่มนี้มีการกราบไหว้รูปเคารพซึ่งขัดต่อคำสอนของคริสเตียน และ อิสลาม


"อย่าให้ผู้ใดกลับนับถือรูปเคารพหรือหล่อพระไว้เป็นรูปเคารพสำหรับตนเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า.. " (เลวีนิติ 19:4)


"แท้จริงพวกท่านบูชารูปปั้นอื่นจากอัลลอฮ์และพวกท่านกุการมุสาขึ้น แท้จริงบรรดาที่พวกท่านบูชาอื่นจากอัลลอฮ์นั้น มันไม่มีอำนาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่าน ดังนั้นจงขอเครื่องยังชีพจากอัลลอฮ์เถิดและจงเคารพภักดีพระองค์และจงขอบคุณต่อพระองค์ยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะถูกนำกลับไป" ( ซูเราะฮฺ อัลอังกะบูต อายะหฺ17)



5.กลุ่มลัทธิอนุตรธรรมได้บอกว่ามนุษย์ทุกคนมาจากแดนนิพพานซึ่งขัดกันอย่างเห็นได้ชัดเพราะนิพพานไม่ใช่ดินแดน แต่นิพพานปรมัตถ์เป็นสภาพธรรมที่ดับทุกข์ จิต เจตสิก รูป จึงไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๔๔ หน้าที่ ๗๑๑


๑. ปฐมนิพพานสูตร ว่าด้วยอายตนะ คือ นิพพาน


[๑๕๘> ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน


น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์


และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้น


ว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการ


จุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้


มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.


จบปฐมนิพพานสูตรที่ ๑

 
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ หน้าที่ 719


๒. ทุติยนิพพานสูตร ว่าด้วยฐานะที่เห็นได้ยาก คือนิพพาน


[๑๕๙> ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยาก ชื่อว่านิพพาน ไม่มีตัณหา นิพพานนั้นเป็นธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้ ผู้เห็นอยู่.


จบทุติยนิพพานสูตรที่ ๒


6.ลัทธิอนุตรธรรมมีการสอนธรรมะแก่ผู้เข้าร่วมกลุ่มโดยร่างทรง ซึ่งบางครั้งมีพระพุทธเจ้ามาประทับทรงซึ่งขัดกับความจริงเนื่องจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว


-ขอให้เรามารู้จัก คำว่า"นิพพาน"กันนะครับ


"สภาพธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม ที่ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก มี ๔ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ได้ทรงประจักษ์ลักษณะของ นิพพานก็ทรงดับกิเลสไม่ได้ ขณะนี้ทุกคนมีจิต มีเจตสิก และมีรูป เมื่ออบรมเจริญปัญญาก็จะเห็นความเหนียวแน่นของกิเลสเพราะแม้ว่าสภาพธรรมที่มิใช่ตัวตนเป็นแต่เพียงนามธรรมหรือรูปธรรมจะปรากฏ เมื่อสติระลึกสังเกต พิจารณาบ่อย ๆ เนือง ๆ จากชาติหนึ่งสู่อีกชาติหนึ่งสู่อีกชาติหนึ่งก็ยังดับกิเลสไม่ได้ จนกว่าปัญญาจะอบรมเจริญคมกล้าถึงขั้น ประจักษ์แจ้งพระนิพพานซึ่งเป็นปรมัตถธรรม ที่เป็นวิสังขารธรรม


พระนิพพาน เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดขึ้น นอกจากพระนิพพานแล้วไม่มีสภาพธรรมใดดับกิเลสได้เลย เพราะสิ่งใดที่เกิดขึ้นปรากฏ สิ่งนั้นเป็นที่พอใจของโลภะความต้องการได้ทั้งนั้น เมื่อนิพพานเป็นปรมัตถธรรมที่ไม่เกิดขึ้น โลภะจึงยินดีพอใจในนิพพานไม่ได้ โลภะ ความยินดีพอใจมีอยู่ตราบใด ก็เป็นปัจจัย เป็นสมุทัย คือเหตุที่จะให้มีภพชาติอยู่ตราบนั้น พระนิพพานเป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง และเป็นสภาพธรรมอย่างเดียวที่ดับกิเลสได้


ฉะนั้นถ้าพูดว่านิพพานเป็นสถานที่ นิพพานก็จะต้องเกิดขึ้นจึงจะเป็นสถานที่ได้ แต่นิพพานธาตุ เป็น อสังขตธาตุ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดดับ นิพพานเป็นธาตุที่ดับกิเลส สภาพธรรมใดที่เกิดขึ้นจะพ้นไปจากจิต เจตสิก รูปไม่ได้ ฉะนั้น เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นจริง ๆ สิ่งนั้นไม่ใช่นิพพาน ต้องเป็นจิต หรือเป็นเจตสิก หรือเป็นรูป อย่างใดอย่างหนึ่งนั่นเอง"




7.ในศาสนาคริสต์ อิสลาม ไม่มีความเชื่อเรื่องเวียนวายตายเกิดและพระศาสดาทั้งสองพระองค์ไม่ทรงสอนเรื่องการเวียนวายตายเกิด


เห็นได้ชัดว่า อนุตรธรรมไม่ใช่รากฐานของศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม เต๋า ขงจื้อ และอนุตรธรรมไม่ใช่วิถีที่พระเจ้า หรือ พระแม่องค์ธรรมประทานสู่มวลมนุษย์




ศาสนาอนุตรธรรม ศาสนา ยำรวมมิตร มีทุกอย่างให้เลือกกิน แต่กินไม่ได้เป็นพิษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น